| 1 |
ในวิชาคติชนวิทยา หมายถึง เรื่องเล่าที่เล่าต่อๆ กันมา จากคนรุ่นหนึ่งมาสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง โดยไม่ทราบว่า ใครเป็นผู้แต่ง เช่น เราไม่สามารถบอกได้ว่า ใครแต่งนิทานเรื่องสังข์ทอง ปลาบู่ทอง โสนน้อยเรือนงาม ไกรทอง นางสิบสอง เพราะนิทานเหล่านี้ ถ่ายทอดโดยการเล่าจากความทรงจำต่อๆ กันมา. |
| 2 |
เช่น ปู่ย่าตายายเล่าให้พ่อแม่ฟัง พ่อแม่เล่าให้ลูกหลานฟัง หรือมีการแพร่กระจายจากท้องถิ่นหนึ่งไปสู่อีกท้องถิ่นหนึ่ง นิทานเรื่องเดียวกัน เช่น นิทานเรื่องสังข์ทอง จึงอาจมีหลายสำนวนได้ ขึ้นอยู่กับผู้เล่าแต่ละคน ผู้เล่าที่ต่างวัยกัน ผู้เล่าที่เป็นผู้หญิง ผู้เล่าที่เป็นผู้ชาย. |
| 3 |
ผู้เล่าในแต่ละท้องถิ่น อาจเล่านิทานเรื่องเดียวกันต่างกันออกไป ทำให้เกิดนิทานสังข์ทองสำนวนต่างๆ ขึ้น ดังนั้น เมื่อเราศึกษานิทานพื้นบ้าน เราจึงไม่ควรตั้งคำถามว่า นิทานสำนวนใดถูกต้อง หรือสำนวนใดเป็นสำนวนต้นแบบ หากแต่เราควรยอมรับความหลากหลายของนิทานสำนวนต่างๆ ที่เล่ากันในท้องถิ่นต่างๆ. |
| 4 |
นิทานพื้นบ้านไทยในที่นี้ หมายถึง นิทานที่เล่าสู่กันฟังในหมู่บ้าน ในท้องถิ่น หรือในภาคต่างๆ ของประเทศไทย ซึ่งอาจมีที่มาหลายแหล่งคือ เป็นนิทานพื้นบ้านที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยเอง เช่น สังข์ทอง ปลาบู่ทอง ไกรทอง โสนน้อยเรือนงาม ขุนช้างขุนแผน ศรีธนญชัย นางนาคพระโขนง เป็นต้น. |
| 5 |
ภาคเหนือมีตำนานปรัมปรา ที่แสดงให้เห็นความเชื่อดั้งเดิมเกี่ยวกับ แถน ว่า เป็นผู้สร้างมนุษย์ เชื่อว่า ชีวิตมนุษย์จะเป็นอย่างไร ก็ย่อมแล้วแต่แถนกำหนด แถนจะทำให้มนุษย์เจ็บป่วยได้ ถ้ามนุษย์ทำให้แถนไม่พอใจ มนุษย์จึงมีประเพณีบูชาเซ่นสรวงแถน ในตำนานของภาคเหนือกล่าวถึงแถนว่า เป็นผู้สร้างมนุษย์คู่แรก. |
| 6 |
ตัว ให้ลูกเล่น สัตว์ ๑๒ ชนิดนี้คือ สัตว์ประจำปี ๑๒ ปี ได้แก่ หนู วัว เสือ กระต่าย นาค งู ม้า แพะ ลิง ไก่ หมา และช้าง ต่อมาลูกๆ ของปู่สางสีและย่าสางไส้ ก็แต่งงานกันเองระหว่างพี่น้อง และมีลูกหลานเหลนสืบต่อกันมา มนุษย์ทุกวันนี้จึงได้ชื่อว่า สืบเชื้อสายมาจากปู่สางสีและย่าสางไส้นั่นเอง. |
| 7 |
นอกจากนั้น ในท้องถิ่นอีสานยังมีความเชื่อเรื่องมนุษย์เกิดจากน้ำเต้า ซึ่งตรงกับความเชื่อของคนลาวโบราณ ตำนานนี้ เล่าถึงกำเนิดมนุษย์เผ่าพันธุ์ต่างๆ ว่า เดิมทีมนุษย์บูชาแถน และต้องเซ่นไหว้แถน แต่ต่อมามนุษย์ลืมเซ่นไหว้แถน แถนจึงโกรธ และบันดาลให้น้ำท่วมบ้านท่วมเมือง มนุษย์จึงได้ต่อแพ. |
| 8 |
แล้วล่องแพขึ้นไปเฝ้าพญาแถน ซึ่งเป็นเทวดาอยู่เมืองสวรรค์ ต่อมาแถนจึงบันดาลให้น้ำลด และให้ควายลงมาช่วยมนุษย์ทำนา ต่อมาควายตาย และเกิดมีน้ำเต้าลูกใหญ่ออกมาทางรูจมูก แล้วแถนได้ใช้เหล็กเจาะน้ำเต้า ปรากฏว่า มีคนไหลออกมาจากน้ำเต้าสามวันสามคืน เป็นคนที่มีผิวคล้ำ คือ พวกลาวเทิง. |
| 9 |
ในทางพุทธศาสนา ก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับกำเนิดโลกและมนุษย์ ที่เล่าถึงสมัยปฐมกัลป์ว่า เกิดไฟไหม้โลก ต่อมาฝนตกอย่างหนัก จนน้ำท่วมโลก เมื่อน้ำแห้งแล้ว ดินมีกลิ่นหอมขึ้นไปถึงสวรรค์ เทวดาได้กลิ่นหอม ก็เหาะลงมากินดิน เมื่อกินง้วนดินหอมแล้ว เหาะกลับสวรรค์ไม่ได้ จึงต้องอยู่บนโลก. |
| 10 |
ตำนานพื้นบ้านของไทยหลายถิ่น โดยเฉพาะทางภาคเหนือ เล่าถึงสาเหตุที่เกิดสุริยคราส และจันทรคราสไว้ว่า เดิมทีพระอาทิตย์ พระจันทร์ และพระราหู เป็นมนุษย์ และเป็นพี่น้องกัน อยู่มาวันหนึ่งทั้ง ๓ คนหุงข้าว เพื่อจะตักบาตร พระอาทิตย์กับจันทร์แย่งเอาข้าวสวยไปหมด เหลือแต่ข้าวไหม้ก้นหม้อให้ราหู. |
| 11 |
ราหูจึงโกรธมาก เมื่อทั้ง ๓ คนตายไป ก็ไปเกิดเป็นพระอาทิตย์ พระจันทร์ และพระราหู ด้วยแรงอาฆาต พระราหูจึงต้องเข้าไปบังแสงพระอาทิตย์ และพระจันทร์ ทุกครั้งที่โคจรมาพบกันบนท้องฟ้า บางเรื่องก็เล่าว่า พระอาทิตย์ และพระจันทร์ ซึ่งเป็นพี่น้องกัน มีบ่าวชื่อว่า ราหู วันหนึ่งไปทำบุญที่วัด. |
| 12 |
ราหูลืมนำช้อนตักแกงไปด้วย ต้องกลับไปเอาที่บ้าน เมื่อราหูเอาช้อนมาแล้ว สองพี่น้องได้ใช้ช้อนตีหัวราหูต่อหน้าผู้คน ราหูอับอาย และแค้นใจมาก จึงอธิษฐานว่า ชาติหน้าขอให้ได้พบกันอีก ถึงแม้พระอาทิตย์ และพระจันทร์ จะมีบุญวาสนาเพียงใด ก็จะพยายามทำให้มัวหมอง เป็นที่ขายหน้าแก่คนทั้งหลายให้ได้. |
| 13 |
ฝนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตมนุษย์ เพราะมนุษย์ต้องอาศัยน้ำในการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และอาบกิน ในภาคเหนือ และภาคอีสานมีความเชื่อเหมือนกันว่า ผู้ที่คอยดูแลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล คือ พญาแถน มีตำนานทางอีสานเรื่องหนึ่งคือ พญาคันคาก ได้กล่าวถึงบทบาทหนึ่งที่ในการดูแลฝนฟ้าของพญาแถน. |
| 14 |
ตามเรื่องเล่าว่า เดิมมนุษย์บูชาแถนอย่างสม่ำเสมอ แถนจึงบันดาลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล ต่อมาพญาคันคากได้เป็นผู้ครองเมืองมนุษย์ เป็นผู้มีทศพิธราชธรรม มนุษย์จึงบูชาพญาคันคาก และเลิกบูชาแถน แถนจึงไม่ให้ฝนแก่มนุษย์ จึงเกิดภาวะอดอยากแห้งแล้ง ฝนไม่ตก ราษฎรทำไร่ทำนาไม่ได้ จึงเกิดข้าวยากหมากแพง. |
| 15 |
ทำให้เดือดร้อนไปทั่ว พญาคันคากจึงรวบรวมกองทัพ เพื่อไปรบกับแถนบนเมืองฟ้า กองทัพพญาคันคากประกอบด้วยงู กบ เขียด คางคก มด ต่อ แตน เป็นต้น พญาคันคากได้รบกับแถน จนกระทั่งแถนยอมแพ้ และบอกว่า ต่อไปนี้ถ้าต้องการฝนเมื่อใด ก็ให้จุดบั้งไฟขึ้นมาบอก ตำนานเรื่องนี้ จึงเป็นที่มาของประเพณีการจุดบั้งไฟ. |
| 16 |
นิทานจักรๆ วงศ์ๆ มักมีตัวละครเป็นเจ้าหญิงเจ้าชาย พระเอกมักเป็นลูกกษัตริย์ ที่เกิดมาพร้อมกับของวิเศษ หรือสัตว์ซึ่งเป็นผู้ช่วยพระเอกในเวลาต่อมา พระเอกในบางเรื่องสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ถ้าเป็นลูกกษัตริย์มักจะเป็นลูกมเหสีเอก เช่น เรื่องสังข์ทอง พระเอกในนิทานจักรๆ วงศ์ๆ. |
| 17 |
นิทานชีวิตของไทยก็มีลักษณะเช่นเดียวกับนิทานชีวิตของชาติอื่นๆ คือ เรื่องที่เล่า เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง นอกเหนือจาก จะบอกชื่อและฐานะตำแหน่งของตัวละครไว้อย่างชัดเจนแล้ว ยังระบุสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ ด้วยเหตุที่สถานที่ในนิทานชีวิตคือ สถานที่ในท้องถิ่นต่างๆ ในประเทศไทยนี่เอง. |
| 18 |
ในนิทานชีวิตของไทยมีเหตุการณ์ที่เป็นความมหัศจรรย์อยู่หลายตอน แต่ถ้าเปรียบเทียบกับความมหัศจรรย์ในนิทานจักรๆ วงศ์ๆ แล้ว จะเห็นว่า มีลักษณะไม่เหมือนกันทีเดียว ความมหัศจรรย์ในนิทานจักรๆ วงศ์ๆ มักเป็นสิ่งเหลือวิสัย มากกว่าเป็นความมหัศจรรย์ที่บันดาลให้เกิดขึ้นโดยอมนุษย์ เช่น. |
| 19 |
หรือเกิดขึ้นด้วยบุญบารมีของตัวละครเอง เช่น การชุบชีวิต การเนรมิต และการเหาะเหินเดินอากาศ ฯลฯ ส่วนความมหัศจรรย์ ในนิทานชีวิต มักเกิดจากอำนาจไสยศาสตร์ เช่น ในเรื่อง ขุนแผน และไกรทอง ในนิทานชีวิต อาจมีเรื่องของอำนาจพ่อมดหมอผี และผีสางประจำป่าเขาบ้าง เช่น เรื่องพระลอ เรื่องของไสยศาสตร์. |
| 20 |
นิทานประจำถิ่นเป็นเรื่องที่เล่าสืบทอดกันมาในท้องถิ่นต่างๆ และมักเป็นเรื่องที่เชื่อกันมาว่า เคยเกิดขึ้นจริง เนื้อเรื่องมักเกี่ยวข้อง หรือเป็นการอธิบายความเป็นมา ของสิ่งที่มีอยู่ในท้องถิ่น ทั้งสิ่งที่มีอยู่โดยธรรมชาติ เช่น ภูเขา เกาะ หิน ลำธาร ถ้ำ ฯลฯ และสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเนื่องในศาสนา. |
| 21 |
นิทานประจำถิ่นที่พบบ่อยอาจเกี่ยวกับบุคคลในท้องถิ่น หรือบุคคลในประวัติศาสตร์ เช่น นิทานเกี่ยวกับพระร่วง และเรื่องท้าวแสนปม ซึ่งเล่ากันในตำบลคีรีมาศ อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย เรื่องพระร่วง เล่ากันว่า มีสองตายายอาศัยอยู่ที่เขาหลวง มีอาชีพล่าสัตว์ วันหนึ่งเข้าป่า แล้วเกิดฝนตกไม่หยุด. |
| 22 |
จึงต้องเข้าไปหลบฝนอยู่ในถ้ำ เมื่อฝนหยุด ก็ออกมาจากถ้ำ และได้พบเด็กทารกคนหนึ่ง แต่พออุ้มทีไรเด็กก็ร่วงทุกครั้ง แม้ว่าจะเอาผ้าห่อ หรือใช้เชือกผูก ก็ยังร่วงทุกครั้ง ในที่สุดสองตายายจึงเอาใส่ชะลอม ปรากฏว่า สามารถอุ้มไปได้ จึงนำไปเลี้ยงไว้ และให้ชื่อว่า พระร่วง ต่อมาพระร่วงอยากจะได้น้อง. |
| 23 |
เวลาผ่านไปสักครึ่งปี ท้าวแสนปมก็เดินได้ และหายเป็นปกติ ท้าวแสนปมได้เดินทางไปกำแพงเพชร รับจ้างหาบผักไปสุโขทัย ขณะที่หาบผักอยู่ ฝนตกฟ้าผ่า ถูกไม้คานหัก ตัวท้าวแสนปมและผักปลอดภัย ตำบลนั้นได้ชื่อว่า บ้านบ่อฟ้า ต่อมาได้พบหมอดู หมอดูทำนายว่า ถ้าไปทางทิศเหนือจะได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน. |
| 24 |
ในจังหวัดนครปฐม มีนิทานประจำถิ่นอธิบายถึงที่มาของพระปฐมเจดีย์ คือ เรื่อง พระยากง - พระยาพาน ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับปิตุฆาต ตามเรื่องว่า พระยากงเจ้าเมืองศรีวิชัย หรือนครชัยศรี (บางสำนวนว่าเป็นเจ้าเมืองกาญจนบุรี) ถูกโอรสของตนเอง ซึ่งได้ให้คนนำไปฆ่าทิ้งตั้งแต่เล็กๆ ต่อมาโอรสคือ. |
| 25 |
นิทานท้องถิ่นอีกประเภทหนึ่งมักเป็นนิทานที่อธิบายสภาพภูมิศาสตร์ ที่มีลักษณะแปลกๆ ในท้องถิ่น อาจเป็นภูเขา ทะเลสาบ เกาะ ที่มีลักษณะแปลกๆ เช่น เรื่องตาม่องล่าย ซึ่งเป็นนิทานประจำถิ่นแถบชายทะเลตะวันออกของอ่าวไทย ตั้งแต่จังหวัดตราด จันทบุรี ชลบุรี ลงไปถึงเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ทางชายฝั่งตะวันตก. |
| 26 |
สองสามีภรรยาคือ ตาม่องล่าย และยายรำพึง มีลูกสาวชื่อว่า ยมโดย นางยมโดยเป็นคนสวย จึงเป็นที่หมายปองของชาย ๒ คน คือ เจ้าลาย และเจ้ากรุงจีน เจ้าลายได้นำข้าวของไปให้ยายรำพึงเสมอๆ ทำให้ยายรำพึงพอใจ ส่วนเจ้ากรุงจีนก็มักจะแวะนำของมาขายให้ตาม่องล่าย ซึ่งก็ทำให้ตาม่องล่ายพอใจเช่นกัน. |
| 27 |
ต่อมาเจ้าลายได้ให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอนางยมโดย บังเอิญตาม่องล่ายไม่อยู่บ้าน ยายรำพึงซึ่งพอใจเจ้าลายอยู่แล้ว ก็ตกลงยกให้ ฝ่ายเจ้ากรุงจีนก็ได้ติดต่อสู่ขอนางยมโดย จากตาม่องล่าย ซึ่งตาม่องล่ายได้ตกลงยกให้ โดยไม่ได้ปรึกษากับนางรำพึง ทั้งสองฝ่ายได้กำหนดนัดหมายให้มีพิธีแต่งงานในวันเดียวกันโดยบังเอิญ. |
| 28 |
ยายรำพึงฉวยหมวกได้ ก็ขว้างตาม่องล่าย หมวกลอยไปตกเป็นเขาล้อมหมวก ตาม่องล่ายคว้ากระบุงขว้างยายรำพึง กระบุงลอยไปตกเป็นเกาะกระบุง ในจังหวัดตราด ยายรำพึงหยิบงอบได้ ก็ขว้างตาม่องล่ายอีก งอบกระเด็นไปตกเป็นแหลมงอบในจังหวัดจันทบุรี ตาม่องล่ายคว้าสากขว้างยายรำพึง สากได้ลอยไปปะทะเกาะแห่งหนึ่ง. |
| 29 |
ที่อ่าวบางสะพานใหญ่ จนทะลุ เกาะนั้นจึงได้ชื่อว่า เกาะทะลุ สากก็ลอยไปเป็นเกาะสาก ยายรำพึงโมโหมาก จึงไปนอนนิ่งอยู่ จนกลายเป็นเขาแม่รำพึง ตาม่องล่ายจึงจับนางยมโดย ฉีกเป็นสองซีก แล้วโยนซีกหนึ่งไปทางเจ้าลาย ไปตกเป็นเกาะนมสาวที่บ้านบางปู ในท้องที่อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์. |
| 30 |
อีกซีกหนึ่งโยนไปทางเจ้ากรุงจีน ไปตกเป็นเกาะนมสาวในจังหวัดชลบุรี ตาม่องล่ายได้โยนหมากพลู และสิ่งต่างๆ กระจายไปตกในที่ต่างๆ คือ พลูไปตกกลายเป็นหอยมวนพลู ขนมจีนกลายเป็นสาหร่ายทะเล กระจกไปติดที่เขาช่องกระจก ตะเกียบก็ไปติดที่เขาตะเกียบ จานก็ตกเป็นเกาะจาน เจ้าลายตรอมใจตายไป กลายเป็นเขาเจ้าลาย. |
| 31 |
ลิลิตพระลอ เป็นวรรณคดีสำคัญอีกเรื่องหนึ่งของไทย วรรณคดีสโมสรยกย่องให้เป็นยอดวรรณคดีประเภทลิลิต ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้แต่งและแต่งเมื่อใด มีผู้สนใจศึกษาค้นคว้าหาหลักฐานเกี่ยวกับผู้แต่งและระยะเวลาในการแต่ง แต่ยังหาข้อยุติไม่ได้ว่าแต่งในสมัยใด ระหว่างสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ. |
| 32 |
ท้าวแมนสรวงเป็นกษัตริย์ของเมืองแมนสรวง พระองค์มีพระมเหสีทรง พระนามว่า นาฏบุญเหลือ ทั้งสองพระองค์มีพระโอรสมีพระนามว่า พระลอดิลกราช หรือเรียกกันสั้นๆว่า พระลอ มีกิตติศัพท์เป็นที่ร่ำลือกันว่าพระองค์นั้นทรงเป็นชายหนุ่มรูปงามไปทั่วสารทิศจนไปถึงเมืองสรอง ( อ่านว่า เมืองสอง ). |
| 33 |
และนางโรยสังเกตเห็นความปราถนาของนายหญิงของตนก็เข้าใจในพระประสงค์ สองพี่เลี้ยงจึงอาสาจะจัดการให้นายของตนนั้นได้พบกับพระลอ โดยการส่งคนไปขับซอในนครแมนสรวง และในขณะที่ขับซอนั้นจะไห้นักดนตรีพร่ำพรรณนาถึงความงามของเจ้าหญิงทั้งสอง ในขณะเดียวกันนั้นพี่เลี้ยงทั้งสองก็ได้ไปหาปู่เจ้าสมิงพราย. |
| 34 |
เมื่อพระลอต้องมนต์ก็ทำใคร่อยากที่จะได้ยลพระเพื่อนและพระแพงเป็นยิ่งนัก พระองค์เกิดความคลั่งไคล้ไหลหลงจนไม่เป็นอันทำอะไรแม้แต่กระทั่งเสวยพระกระยาหาร พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของพระองค์ ได้ทำให้พระราชชนนีสงสัยว่าจะมีผีมาเข้ามาสิงสู่อยู่ แต่ถึงแม้ว่าจะหาหมอผีคนไหนมาทำพิธีขับไล่ก็ไม่มีผลอันใด. |
| 35 |
ทันทีที่ได้สิ้นคำอธิษฐานนั้น แม่น้ำก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดในทันทีและไหลเวียนวนผิดปกติ เมื่อพระลอเห็นดังนั้นก็รู้ได้ว่าจะมีเรื่องร้ายรออยู่เบื้องหน้าของพระองค์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้พระองค์เกิดความย่อท้อที่จะได้พบกับเจ้าหญิงที่พระทัยของพระองค์เรียกร้องแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าพระองค์นั้นจะไม่เคยพบนางเลย. |
| 36 |
พระลอได้ตามไก่เนรมิตไปจนถึงพระราชอุทยาน และได้พบกับเจ้าหญิงทั้งสองซึ่งกำลังทรงสำราญอยู่ ในทันทีที่ทั้งสามได้พบกันก็เกิดความรักใคร่กันในบัดดล และก็เป็นเวลาเดียวกับที่นายแก้วกับนายขวัญ ได้ตกหลุมรักของนางรื่นและนางโรยผู้ซึ่งเปิดหัวใจต้อนรับชายหนุ่มทั้งสองโดยไม่รีรอเช่นกัน. |
| 37 |
อ้างรับสั่งท้าวพระพิชัยวิษณุกรตรัสสั่งว่าให้นำทหารไปรุมจับพระลอ พระเพื่อนพระแพงและพี่เลี้ยงอาไว้ ในขณะที่พระลอกับไพร่พลได้ต่อสู้เอาชีวิตรอด พระเจ้าย่าก็สั่งให้ทหารระดมยิงธนูเข้าใส่ ลูกธนูที่พุ่งเข้าหาพระลอและไพร่พลประดุจดังห่าฝนก็ไม่ปานจึงทำให้ไม่อาจจะต้านทานไว้ได้อีกต่อไป. |
| 38 |
ที่เมืองนครศรี เจ้าเมืองนามว่าพระยาโกศรี มเหสีนามว่า ทองแดง มีโอรสนามว่า มหาวงศ์ ท้าวมหาวงศ์ชอบกีฬาชนไก่ วันหนึ่งไปต่อไก่ในป่ากับขุนสี่คน คือ ขุนเครือ ขุนคาน ขุนเค่ง และขุนทุ่มภู่ ได้ธิดาจระเข้ชื่อนางแตงอ่อน ผู้มีรูปกายเป็นมนุษย์มาเป็นมเหสี นางแตงอ่อนประสูติโอรส เมื่อท้าวมหาวงศ์ไปคล้องช้างในป่า. |
| 39 |
คือ เจ้าเงาะซึ่งคือพระสังข์กับนางรจนา เป็นนิทานที่คนไทยในท้องถิ่นต่างๆ คุ้นเคยและชื่นชอบ ดังปรากฏแพร่หลายในท้องถิ่นต่างๆ หลากหลายสำนวนนอกจากความนิยมนิทานสังข์ทองในรูปแบบของวรรณกรรมแล้ว นิทานสังข์ทองยังมีความสัมพันธ์และบทบาทในวิถีชีวิตไทยด้านต่างๆ เช่น ชื่อสถานที่ สำนวนไทย. |
| 40 |
นิทานสังข์ทองก็ยังได้รับความนิยมและดำรงอยู่ในรูปแบบต่างๆ เช่น เนื้อหาในหนังสือแบบเรียนหลายหลักสูตร หนังสือการ์ตูน หนังสือนิทาน ภาพยนตร์การ์ตูนละครพื้นบ้าน นวนิยาย ตลอดจนงานศิลปะร่วมสมัย เช่น งานประติมากรรม การแสดงละครหุ่นสมัยใหม่ นอกจากนี้เนื้อหาและตัวละครจากนิทานสังข์ทองยังสัมพันธ์กับสิ่งอื่นๆ. |
| 41 |
นางจันทาเทวีเกิดความริษยาจึงติดสินบนโหรหลวงให้ทำนายว่าหอยสังข์จะทำให้บ้านเมืองเกิดความหายนะ ท้าวยศวิมลหลงเชื่อนางจันทาเทวี จึงจำใจต้องเนรเทศนางจันท์เทวีและหอยสังข์ไปจากเมือง นางจันท์เทวีพาหอยสังข์ไปอาศัยตายายช่าวไร่ ช่วยงานตายายเป็นเวลา 5 ปี พระโอรสในหอยสังข์แอบออกมาช่วยทำงาน. |
| 42 |
ในเวลาต่อมา พระนางจันทาเทวีได้ไปว่าจ้างแม่เฒ่าสุเมธาให้ช่วยทำเสน่ห์เพื่อที่ท้าวยศวิมลจะได้หลงอยู่ในมนต์สะกด และได้ยุยงให้ท้าวยศวิมลไปจับตัวพระสังข์มาประหาร ท้าวยศวิมลจึงมีบัญชาให้จับตัวพระสังข์มาถ่วงน้ำ แต่ท้าวภุชงค์(พญานาค) ราชาแห่งเมืองบาดาลก็มาช่วยไว้ และนำไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม. |
| 43 |
วันหนึ่ง นางพันธุรัตได้ไปหาอาหาร พระสังข์ได้แอบไปเที่ยวเล่นที่หลังวัง และได้พบกับบ่อเงิน บ่อทอง รูปเงาะ เกือกทอง(รองเท้าทองนั้นเอง) ไม้พลอง และพระสังข์ก็รู้ความจริงว่านางพันธุรัตเป็นยักษ์ เมื่อพระสังข์พบเข้ากับโครงกระดูก จึงได้เตรียมแผนการหนีด้วยการสวมกระโดดลงไปชุบตัวในบ่อทอง. |
| 44 |
พระสังข์เดินทางมาถึงเมืองสามล ซึ่งมี ท้าวสามล และ พระนางมณฑา ปกครองเมือง ซึ่งท้าวสามลและพระนางมณฑามีธิดาล้วนถึง 7 พระองค์ โดยเฉพาะ พระธิดาองค์สุดท้องที่ชื่อ รจนา มีสิริโฉมเลิศล้ำกว่าธิดาทุกองค์ จนวันหนึ่งท้าวสามลได้จัดให้มีพิธีเสี่ยงมาลัยเลือกคู่ให้ธิดาทั้งเจ็ด ซึ่งธิดาทั้ง. |
| 45 |
ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระอินทร์ อาสน์ที่ประทับของพระอินทร์เกิดแข็งกระด้าง อันเป็นสัญญาณว่ามีผู้มีบุญกำลังเดือดร้อน จึงส่องทิพยเนตรลงไปพบเหตุการณ์ในเมืองสามล จึงได้แปลงกายเป็นกษัตริย์เมืองยกทัพไปล้อมเมืองสามล ท้าให้ท้าวสามลออกมาแข่งตีคลีกับพระองค์ หากท้าวสามลแพ้ พระองค์จะยึดเมืองสามลเสีย. |
| 46 |
ท้าวยศวิมลและพระนางจันท์เทวีปลอมตัวเป็นสามัญชนเข้าไปอยู่ในวัง โดยท้าวยศวิมลเข้าไปสมัครเป็นช่างสานกระบุง ตะกร้า ส่วนพระนางจันท์เทวีเข้าไปสมัครเป็นแม่ครัว และในวันหนึ่ง พระนางจันท์เทวีก็ปรุงแกงฟักถวายพระสังข์ โดยพระนางจันท์เทวีได้แกะสลักชิ้นฟักเจ็ดชิ้นเป็นเรื่องราวของพระสังข์ตั้งแต่เยาว์วัย. |
| 47 |
วันหนึ่งในเวลาบ่าย แดดร้อนจัดจนเป็นเปลว มีชายคนหนึ่งนำเอาปัญญามาขาย โดยบรรจุตัวปัญญาลงในกระทอจนเต็มแล้ว หาบผ่านเปลวแดดมาจนถึงประตูเมือง ครั้นจะเข้าไปทันทีก็เกรงว่าอากาศร้อน ๆ เช่นนี้จะทำให้อารมณ์ของตนเสียไปได้ เขาจึงสอดส่ายสายตาดูร่มไม้ใหญ่บริเวณรอบๆ ในที่สุดก็มองเห็นร่มหว้าใหญ่ใบตก. |
| 48 |
โอโฮ ยังงั้นปัญญาก็เป็นแก้วสารพัดนึกละซิที่จะสามารถดลบันดาลสิ่งที่ต้องการได้ ทุกอย่าง นอกจากนั้นปัญญายังช่วยให้เราล่วงรู้สิ่งที่เรายังไม่รู้ด้วยใช่ไหม ชายผู้นั้นพยักหน้าและรับปากว่า จริงทีเดียว พวกท่านเข้าใจอย่างถูกต้อง ปัญญาเปรียบเหมือนดวงแก้วที่จะส่องสว่างขจัดความโง่เขลาให้หายไปอย่างไรล่ะ. |
| 49 |
ผู้เอาปัญญามาขายนั้นจะฉลาดและล่วงรู้ทุกสิ่งจริงดังที่เขากล่าวหรือไม่ เขาจึงก้มดูรอบๆ ต้นหว้าใหญ่นั้นอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ๋ยปากถามว่า เอาละ เมื่อท่านกล่าวว่า ปัญญาจะสามารถช่วยให้เราล่วงรู้ทุกอย่าง ข้าพเจ้าขอเรียนถามท่านว่า ท่านรู้หรือไม่ว่ามีอะไรอยู่ใต้ดินตรงที่ท่านยืนอยู่ตรงนี้. |
| 50 |
แม้เราจะไม่มีตัวปัญญามาขายแต่เรากล้าบอกว่าใต้หาบตัวปัญญานี้มีไข่มดแดง (ดิน) รังใหญ่ หากท่านไม่เชื่อก็ช่วยเราขุดซิ หากไม่พบดังเราว่ายอมให้ท่านปรับเราก็แล้วกัน ชายคนนั้นตกลง ต่อจากนั้นคนทั้งหมดต่างช่วยกันขุดลงไปจนลึกเกือบท่วมศรีษะ จึงพบไข่มดพร้อมทั้งแม่มันจำนวนมากมายในโพรงนั้นจริง. |
| 51 |
ด้วยเหตุนี้เขาจึงยกเอาหาบปัญญาเดินหมุนกลับไปทางเดิม ไม่ยอมเอาตัวปัญญามาขายให้แก่ชาวเมืองนั้นเพราะเจ็บใจที่ถูกสบประมาทต่อหน้า เขาออกเดินทางไปเรื่อยๆ เป็นเวลานานจนกระทั่งไปพบคนผิวขาวได้แก่พวกฝรั่งนั่นเอง เขาจึงเอาตัวปัญญานี้นำออกไปขาย และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ชาวยุโรปเจริญรวดเร็ว. |
| 52 |
คือ เจ้าเงาะซึ่งคือพระสังข์กับนางรจนา เป็นนิทานที่คนไทยในท้องถิ่นต่างๆ คุ้นเคยและชื่นชอบ ดังปรากฏแพร่หลายในท้องถิ่นต่างๆ หลากหลายสำนวนนอกจากความนิยมนิทานสังข์ทองในรูปแบบของวรรณกรรมแล้ว นิทานสังข์ทองยังมีความสัมพันธ์และบทบาทในวิถีชีวิตไทยด้านต่างๆ เช่น ชื่อสถานที่ สำนวนไทย. |
| 53 |
นิทานสังข์ทองก็ยังได้รับความนิยมและดำรงอยู่ในรูปแบบต่างๆ เช่น เนื้อหาในหนังสือแบบเรียนหลายหลักสูตร หนังสือการ์ตูน หนังสือนิทาน ภาพยนตร์การ์ตูนละครพื้นบ้าน นวนิยาย ตลอดจนงานศิลปะร่วมสมัย เช่น งานประติมากรรม การแสดงละครหุ่นสมัยใหม่ นอกจากนี้เนื้อหาและตัวละครจากนิทานสังข์ทองยังสัมพันธ์กับสิ่งอื่นๆ. |
| 54 |
อยู่มานางจันท์เทวีทรงครรภ์ เทวบุตรจุติมา เป็นพระโอรสของนาง แต่ประสูติมาเป็นหอยสังข์ นางจันทาเทวีเกิดความริษยาจึงติดสินบนโหรหลวงให้ทำนายว่าหอยสังข์จะทำให้บ้านเมืองเกิดความหายนะ ท้าวยศวิมลหลงเชื่อนางจันทาเทวี จึงจำใจต้องเนรเทศนางจันท์เทวีและหอยสังข์ไปจากเมือง นางจันท์เทวีพาหอยสังข์ไปอาศัยตายายช่าวไร่. |
| 55 |
ในเวลาต่อมา พระนางจันทาเทวีได้ไปว่าจ้างแม่เฒ่าสุเมธาให้ช่วยทำเสน่ห์เพื่อที่ท้าวยศวิมลจะได้หลงอยู่ในมนต์สะกด และได้ยุยงให้ท้าวยศวิมลไปจับตัวพระสังข์มาประหาร ท้าวยศวิมลจึงมีบัญชาให้จับตัวพระสังข์มาถ่วงน้ำ แต่ท้าวภุชงค์(พญานาค) ราชาแห่งเมืองบาดาลก็มาช่วยไว้ และนำไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม. |
| 56 |
วันหนึ่ง นางพันธุรัตได้ไปหาอาหาร พระสังข์ได้แอบไปเที่ยวเล่นที่หลังวัง และได้พบกับบ่อเงิน บ่อทอง รูปเงาะ เกือกทอง(รองเท้าทองนั้นเอง) ไม้พลอง และพระสังข์ก็รู้ความจริงว่านางพันธุรัตเป็นยักษ์ เมื่อพระสังข์พบเข้ากับโครงกระดูก จึงได้เตรียมแผนการหนีด้วยการสวมกระโดดลงไปชุบตัวในบ่อทอง. |
| 57 |
พระสังข์เดินทางมาถึงเมืองสามล ซึ่งมี ท้าวสามลและ พระนางมณฑา ปกครองเมือง ซึ่งท้าวสามลและพระนางมณฑามีธิดาล้วนถึง 7 พระองค์ โดยเฉพาะ พระธิดาองค์สุดท้องที่ชื่อ รจนา มีสิริโฉมเลิศล้ำกว่าธิดาทุกองค์ จนวันหนึ่งท้าวสามลได้จัดให้มีพิธีเสี่ยงมาลัยเลือกคู่ให้ธิดาทั้งเจ็ด ซึ่งธิดาทั้ง. |
| 58 |
ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระอินทร์ อาสน์ที่ประทับของพระอินทร์เกิดแข็งกระด้าง อันเป็นสัญญาณว่ามีผู้มีบุญกำลังเดือดร้อน จึงส่องทิพยเนตรลงไปพบเหตุการณ์ในเมืองสามล จึงได้แปลงกายเป็นกษัตริย์เมืองยกทัพไปล้อมเมืองสามล ท้าให้ท้าวสามลออกมาแข่งตีคลีกับพระองค์ หากท้าวสามลแพ้ พระองค์จะยึดเมืองสามลเสีย. |
| 59 |
ท้าวยศวิมลและพระนางจันท์เทวีปลอมตัวเป็นสามัญชนเข้าไปอยู่ในวัง โดยท้าวยศวิมลเข้าไปสมัครเป็นช่างสานกระบุง ตะกร้า ส่วนพระนางจันท์เทวีเข้าไปสมัครเป็นแม่ครัว และในวันหนึ่ง พระนางจันท์เทวีก็ปรุงแกงฟักถวายพระสังข์ โดยพระนางจันท์เทวีได้แกะสลักชิ้นฟักเจ็ดชิ้นเป็นเรื่องราวของพระสังข์ตั้งแต่เยาว์วัย. |
Комментарии